วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

10 สถานที่ท่องเที่ยวในอิตาลี

10. จีนัว (Genoa)

Genoa เที่ยวอิตาลี 10 เมืองท่องเที่ยวของประเทศอิตาลี

บ่อยครั้งที่เมืองเจนัว (Genoa) ถูกบดบังรัศมีจากเมืองอื่นที่มีชื่อเสียงมากกว่าอย่างกรุงโรม หรือเวนิส แต่ยังไงก็ตาม เจนัว ก็เป็นที่เป็นดังไข่มุกของประเทศอิตาลี เมืองแห่งนี้เป็นเมืองสุดคลาสสิคของอิตาลี ที่ประดับประดาไปด้วยตึกราบ้านช่องตกแต่งด้วยสีสไตล์พาสเทล เต็มไปด้วยโบสถ์เก่าแก่ดูมีมนต์ขลัง สวนเล็กๆที่ถูกจัดอย่างสวยงาม และบางมุมยังซ่อนซากอารยธรรมเก่าแก่ยุคโรมันอีกด้วย เมืองแห่งนี้เป็นดั่งศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ซึ่งแต่ละมุมถนนจะสะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมจากยุคอดีตมาสู่ปัจจุบัน

9. ปิซ่า (Pisa)

Pisa เที่ยวอิตาลี 10 เมืองท่องเที่ยวของประเทศอิตาลี
ตั้งอยู่ในแนวเดียวกับแม่น้ำอาร์โนในทางตะวันตกเฉียงเหนือของแคว้นทัสกานี (Tuscany) ซึ่งเมืองปิซ่ายังคงมนต์เสน่ห์ของความสวยงามของเมืองยุคกลางไว้ได้อย่างเหนียวแน่น เมืองปิซ่านอกจากจะมีชื่อเสียงมาจาก หอเอนเมืองปิซ่า อันโด่งดังไปทั่วโลกแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆยังสวยงามน่าสนใจ คุ้มค่าแก่การไปเยี่ยมเยือนเป็นอย่างยิ่ง

8. เนเปิลส์ (Naples)

Naples เที่ยวอิตาลี 10 เมืองท่องเที่ยวของประเทศอิตาลี

หนึ่งในเมืองเศรษฐกิจที่วุ่นวายที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศอิตาลี เนเปิลส์เป็นเมืองหลวงของแคว้น กัมปาเนีย ในทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี
เมืองเนเปิลส์เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสถานที่ทางศิลปะและประวัติศาสตร์ เช่นเดียวกับ บรรยากาศครึกครื่นแบบสังคมเมืองที่เต็มไปด้วย ร้านค้า ร้านอาหาร และสถานที่เที่ยวยามราตรี ที่สำคัญอาหารอิตาลีที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกอย่าง Pizza, Spaghetti และParmigiana . . . ที่เมืองนี้คุณภาพของอาหารเป็นที่ขึ้นชื่อมาก เพราะแต่ละร้านเอาใจใส่ในการทำเป็นอย่างดี และมักจะใช้ส่วนประกอบอาหารที่เป็นธรรมชาติ สดใหม่ และ made in italy เท่านั้น

7. เซียนา (Siena)


Siena เที่ยวอิตาลี 10 เมืองท่องเที่ยวของประเทศอิตาลี
เซียนา สร้างขึ้นใต้ร่มเงาของภูเขาสามลูกใจกลางของแคว้นทัสกานี เมืองนี้ให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปสู่ยุคกลาง ด้วยสิ่งปลูกสร้างต่างๆเป็นแบบดั้งเดิมแถมยังมีประเพณีการแข่งม้าโบราณที่เรียกกันว่า Il Palio (เอล พาลีโอ) ที่เซียนา สถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดก็คือ “ศูนย์ประวัติศาสตร์เซียนา” ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอิตาลีที่น่าไปที่สุดของอิตาลีเลยก็ว่าได้ ซึ่งที่ศูนย์ประวัติศาสตร์เซียนา มีงานฝีมือ งานศิลปะ สิ่งปลูกสร้าง และอีกมากมาย ซึ่งแต่ละอย่างนั้นสวยงามและดูเก่าแก่มีมนต์ขลังสุดๆ

6. Cinque Terre


Cinque_Terre เที่ยวอิตาลี 10 เมืองท่องเที่ยวของประเทศอิตาลี
ความหมายของชื่อเมืองนั้นแปลว่า “Five Lands” แปลเป็นไทยกันเอาเองนะครับ ซึ่งเมือง Cinque Terre มี 5 หมู่บ้านด้วยกัน Riomaggiore, Manarola, Vernazza, Monterosso and Corniglia
เมืองนี้ตั้งอยู่ในแคว้นลีกูเรีย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอิตาลี หมู่บ้านต่างๆของเมือง Cinque Terre นั้น มีภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นสวยงามที่สุดของอิตาลีเลยก็ว่าได้ เช่นเทือกเขาลาดชันเป็นแนวยาว หรือ ระเบียงลมสวยๆ ที่มีมาตั้งแต่หลายร้อยปีที่แล้ว

5. Amalfi Coast


Amalfi_Coast เที่ยวอิตาลี 10 เมืองท่องเที่ยวของประเทศอิตาลี
ตั้งอยู่ในแคว้น กัมปาเนีย เมืองชายทะเล Amalfi Coast มีชื่อเสียงเรื่องลือมากในเรื่องความสวยงามของตัวเมืองและภูมิศาสตร์ โดดเด่นมากจนทำให้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวระดับท็อปของอิตาลีไปเลย ความยาวของเมืองยาวประมาณ 30 ไมล์ ตามแนวหาด Sorrento Peninsula ซึ่งทำให้เมืองแห่งนี้ติดอันดับเมืองน่าเที่ยวของอิตาลี จากความงดงามของภูมิศาสตร์แสนสวยอย่างที่เห็นในรูป บ้านหลากสี และ ต้นไม้ที่ขึ้นสลับไปกับถนน

4. มิลาน (Milan)


Milan เที่ยวอิตาลี 10 เมืองท่องเที่ยวของประเทศอิตาลี
ถูกทิ้งระเบิดจนเสียหายไปมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่หลังจากนั้นเมืองมิลานได้ถูกบูรณะเรื่อยมา จนในปัจจุบันได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดเมืองหนึ่งของทวีปยุโรป แถมที่มิลานผู้คนจากทั่วโลกยังยกให้เป็นเมืองยักษ์ใหญ่ในวงการแฟชั่นโลก เป็นศูนย์กลางของสินค้าแฟชั่นแบรนด์ดังหลากหลายยี่ห้อ นอกจากนั้นที่มิลานยังมีขุมทรัพย์ทางศิลปะอย่างภาพวาด The Last Supper ของ Leonardo Da Vinci, โรงละครโอเปร่า La Scala, the Castello Sforzesco และโบสถ์แบบ Gothic ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกก็อยู่ที่เมืองมิลานด้วย

3. ฟลอเรนซ์ (Florence)


Florence เที่ยวอิตาลี 10 เมืองท่องเที่ยวของประเทศอิตาลี
เมืองหลวงแห่งแคว้น ทัสกานี “ฟลอเรนซ์” . . . เมืองนี้มักจะถูกขนานนามว่าเป็นพิพัธภัณฑ์ขนาดยักษ์ เพราะว่าความสวยงาม รูปทรง และส่วนประกอบอื่นๆของสิ่งปลูกสร้างของเมืองนี้ดูราวกับเทพนิยาย ซึ่งผลงานศิลปะล้ำค่า พิพิธภัณฑ์ และโบสถ์เก่าแก่ กระจัดกระจายอยู่ทั่วตัวเมือง ทำให้ยิ่งดูมีมนต์เสน่ห์ทางศิลปวัฒนธรรมแบบฉบับยุโรปมากขึ้นไปอีก

2. เวนิส (Venice)


Venice เที่ยวอิตาลี 10 เมืองท่องเที่ยวของประเทศอิตาลี
เวนิสเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆของประเทศอิตาลี ซึ่งเวนิสมีความโดดเด่นเฉพาะตัวตรงที่ถุกสร้างบนจุดที่ถูกล้อมรอบด้วยทะเล Adriatic
เวนิสนั้นอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี เวนิสนั้นประกอบด้วยเกาะเล็กๆ (จะเรียกว่าเกาะดีไหมนะ) 118 เกาะ ซึ่งมีสะพานรูปทรงสวยงามเชื่อมระหว่างเกาะให้ผู้คนสามารถเดินข้ามฝากไปมาได้ การเดินทางภายในตัวเมืองนั้น ใช้เรือแจวไปตามคานาล (แม่น้ำที่ไหลผ่านตามเกาะต่างๆ) โดยมี Grand Canal ซึ่งเป็นคานาลใหญ่สุดผ่ากลางเมือง ทำให้แบ่งออกเป็นสองฝั่ง โดยเมืองนี้ส่วนตัวชอบเป็นพิเศษ ด้วยวิวสวยของคานาลและสถาปัตแบบดั้งเดิมของเวนิส จึงทำให้เมืองแห่งนี้เป็นหนึ่งในเมืองที่โรแมนติกที่สุดในโลก

1. กรุงโรม (Rome)


Rome เที่ยวอิตาลี 10 เมืองท่องเที่ยวของประเทศอิตาลี
เมืองหลวงในอดีตของอาณาจักรโรมันที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งโรมในปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของประเทศอิตาลี กรุงโรมตั้งอยู่ศูนย์กลางของแคว้นลาซีโอ
กรุงโรมนั้นเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ เป็นศูนย์รวมของศิลปวัฒนธรรมทั้งแบบคลาสสิคและโมเดิร์นได้อย่างลงตัว และเป็นที่รู้กันว่าที่กรุงโรมมีสถาปัตยกรรมโบราณของกรุงโรมอยู่มากมาย แถมกรุง Vatican ก็ยังอยู่ในโรมอีกด้วย กรุงโรมนั้นมีอายุยืนยาวมากกว่า 2,500 ปี ในฐานะของเมืองศูนย์กลางของวัฒนธรรม การเมือง และ ศาสนา มาหลายยุคหลายสมัย
อ้างอิง  http://amazingthaisea.com/เที่ยวอิตาลี/

7 แหล่งเที่ยวที่คุณต้องไปใน San Francisco

ซฟ1
1. Golden Gate Bridge ชื่อนี้ไม่ต้องพูดถึง เรียกได้ว่าไม่ได้มาสะพานแห่งนี้ เหมือนมาไม่ถึง San Francisco เหมาะแก่การเดินเล่นหรือขี่จักรยาน

ซฟ2
2. Japanese Tea Garden เป็นที่ที่ท่านจะได้ชื่นชมกับธรรมชาติ เช่น สวนสมุนไพร ทะเลสาบ  เหมาะสำหรับนักดื่มชาคงชอบที่ได้นั่งจิบชา ชมน้ำตก และสายน้ำ

BnGgNFbCAAAblmi
3. พิพิธภัณฑ์ Exploratorium เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดของซานฟรานซิสโก เป็นสถานที่แสดงผลงานศิลปะวิชาการ ฯลฯ เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์

ซฟ4
4. Fisherman’s Wharf เป็นเหมือนสะพานปลา ท่าเรือ สามารถมองเห็นอ่าว ซานฟรานซิสโก และสะพาน Golden Gate แถมยังมีอาหารทะเลสดๆให้ได้อิ่มหนำสำราญอีกด้วย

ซฟ5
5. Alcatraz Island หลายคนคงคุ้นชื่อมาบ้างจากภาพยนตร์หรือซีรีส์ เป็นเกาะที่ได้ชื่อว่าเป็นคุกที่ไม่เคยมีใครแหกได้ แต่หลังจากนั้นก็มีคนแหกได้จนคุกต้องปิดตัวลง

ซฟ6
6. Cable Cars เป็นรถที่จะพาคุณไปเที่ยวชมเมืองต่างๆ บนเส้นทาง California Street ผ่านเขตการเงิน ไชน่าทาวน์ และ Nob Hill ส่วนเส้นทางสาย Powell-Mason และ Powell-Hyde จบเส้นทางใกล้กับ Fisherman’s Wharf

ซฟ7
7. Chinatown แหล่งท่องเที่ยวละร้านค้าต่างๆมากมาย อีกทั้งยังมีมีพิพิธภัณฑ์ที่แสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ด้านสังคมของชาวจีน ในอเมริกาและเป็นศูนย์วัฒนธรรมของชาวจีน

อ้างอิง http://www.wegointer.com/2014/05/7-แหล่งที่เที่ยวมหัศจรรย/

10 สถานที่ท่องเที่ยวออสเตรีย

อันดับ 10 Melk Abbey (วิหารเมล์ค)


อันดับ 10 Melk Abbey (วิหารเมล์ค) เที่ยวออสเตรีย ทัวร์ออสเตรีย
วิหารเมล์คนับเป็นหนึ่งในบรรดาอารามหลวงที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก เป็นวิหารคริสต์นิกายเบเนดิกต์ ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินผา เบื้องล่างมี สายน้ำไหลเอื่อยของแม่น้ำดานูบทอดตัวเป็นแนวยาว ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประทับของกษัตรย์เลโอโปลด์ที่2จากนั้น ทรงพระราชทานปราสาทแห่งนี้ให้แก่นักบวชนิกายเบเนดิกต์เพื่อใช้ ประกอบพิธีทางศาสนาและเป็นสถานศึกษาตั้งแต่ปี 1089 เป็นต้นมา สถานที่ที่เป็นศูนย์รวมจิตวิญญาณที่น่าประทับใจแห่งนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในผลงานที่ยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมแบบบาโรค จิตรกรรมฝาผนังอันเลอค่า รวมถึงต้นฉบับบทประพันธ์ดนตรีคลาสสิคในยุคเฟื่องฟู และแหล่งมรดกทางภาษาและวรรณคดีในเวลาต่อมา

อันดับ 9 Vienna State Opera (โรงอุปรากรแห่งชาติเวียนนา)


อันดับ 9 Vienna State Opera (โรงอุปรากรแห่งชาติเวียนนา) เที่ยวออสเตรีย
Vienna State Operaเป็นสิ่งก่อสร้างที่สร้างความตกตะลึงให้กับผู้พบเห็นย่านใจกลางเมืองออสเตรีย แทบจะเรียกได้ว่าเป็นโรงละครที่ครองใจผู้คนได้ทุกยุคทุกสมัยเลยทีเดียว มีการแสดงหลากหลายประเภท เช่น การแสดงดนตรีชั้นนำระดับโลกประเภทวงออเคสตร้า (วงดนตรีบรรเลงขนาดใหญ่) การแสดงโอเปร่าและบัลเล่ต์ครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งผู้ชมสามารถเลือกชมในแบบคลาสสิคหรือสมัยใหม่ได้ เที่ยวออสเตรีย ทัวร์ออสเตรีย

อันดับ 8 หมู่บ้านซีเฟลด์ เมืองทีโรล (Seefeld, Tyrol)


เที่ยวออสเตรีย ทัวร์ออสเตรีย อันดับ 8 หมู่บ้านซีเฟลด์ เมืองทีโรล (Seefeld, Tyrol)
ซีเฟลด์เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิคฤดูหนาวมาแล้วถึงสองครั้ง และเป็นศูนย์กลางของกีฬาสกีแบบครอสคันทรีอีกด้วย (การแข่งขันสกีตามเส้นทางชนบทหรือในป่า) เพราะสภาพโดยรอบเหมาะกับนักสกีระดับฝึกหัดจนถึงชั้นกลาง ทั้งยังมีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติอยู่มาก นับเป็นทิวทัศน์ที่งดงามไร้ที่ติ ไม่เฉพาะในฤดูหนาวเท่านั้น ในวันที่อากาศอบอุ่นยังเหมาะแก่การเดินทอดน่องชมทัศนียภาพที่งดงามและการปีนเขา ทั้งยังมีบริการสุดอลังการจากที่พักระดับไฮคลาส ซีเฟลด์จึงเป็นสถานที่พักผ่อนอย่างแท้จริงสำหรับคุณ

อันดับ 7 ปราสาทโฮเฮนซัลซบวร์ก


อันดับ 7 ปราสาทโฮเฮนซัลซบวร์ก
ปราสาทซัลซบวร์กที่งดงามแห่งนี้เป็นหนึ่งในปราสาทในยุคกลางที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดในยุโรป ตั้งอยู่บนยอดเขาเฟสตุงบวร์ก นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของป้อมปราการขนาดมหึมาตั้งตระหง่านตัดกับเส้นขอบฟ้าเหนือเมืองซัลซบวร์ก ปราสาทนี้เองเป็นที่เก็บรักษา “Salzburg Bull” ออร์แกนรูปหัวกระทิงที่มีไปป์มากกว่า 200 ท่อนเพื่อความกึกก้องไปทั่วท้องพระโรง นับเป็นผลงานสร้างสรรค์ที่น่าตื่นตาตื่นใจของนักออกแบบในยุคกลาง ทั้งยังเป็นหัวใจของเมืองซัลบวร์กด้วย ดังนั้น ปราสาทโฮเฮนซัลบวร์กจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าประทับใจอีกแห่งหนึ่ง

อันดับ 6 พระราชวังฮอฟบวร์ก


อันดับ 6 พระราชวังฮอฟบวร์ก
พราราชวังฮอฟบวร์กตั้งอยู่ในกรุงเวียนนา ปัจจุบันเป็นที่พักของประธานาธิบดีออสเตรียและใช้เป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการ ในสมัยก่อนเป็นพระราชวังฤดูหนาวของราชวงศ์ฮับสบวร์ก ขณะที่ฤดูร้อนจะโปรดพระราชวังเชินบรุนน์มากกว่า (อยู่ในเวียนนาเช่นเดียวกัน) ปีค.ศ.1438-1583 และ 1612-1806 เป็นที่ประทับของกษัตริย์และจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ และกลับมาเป็นของจักรพรรดิแห่งออสเตรียอีกครั้งในปี 1918

อันดับ 5 Innsbruck Altstadt (ย่านเมืองเก่าอัลท์ชตัดท์เมืองอินสบรุค)


เที่ยวออสเตรีย ทัวร์ออสเตรีย อันดับ 5 Innsbruck Altstadt (ย่านเมืองเก่าอัลท์ชตัดท์เมืองอินสบรุค)
เมื่อถูกล้อมรอบด้วยภูเขาหิมะรอบด้านแล้ว เมืองอินสบรุคจะทำให้คุณรู้สึกด้อยค่าไปเลยทีเดียวเมื่อเปรียบเทียบกับธรรมชาติอันงดงามของเทือกเขาอัลไพน์ หากจะเปรียบเทียบกันทีละจุดแล้วละก็ ที่นี่มีทั้งทัศนียภาพที่เป็นธรรมชาติแสนบริสุทธิ์ และความเป็นชุมชนเมืองเก่าแก่ที่มีความสลับซับซ้อน อัลท์ชตัดท์เป็นเมืองในยุคกลางของอินสบรุคที่ทำให้คุณหลงใหลในสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและร้านรวงต่างๆนับไม่ถ้วน ระหว่างเดินเที่ยวชมเมืองอัลท์ชตัดท์ ยังมีสถานที่อีกแห่งที่เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของอัลท์ชตัดท์ นั่นคือ the Golden Roof บ้านหลังนี้สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่จักรพรรดิแมกซิมีเลียนที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ตกแต่งด้วยกระเบื้องเตลือบทองแดงลงรักนับพันชิ้นเพื่อให้ดูราวกับทองคำบริสุทธิ์

อันดับ 4 st Anton am Arlberg (ซังค์อันทน อัม อัลเบิร์ก)


อันดับ 4 st Anton am Arlberg (ซังค์อันทน อัม อัลเบิร์ก)
แหล่งเล่นสกีที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชมในออสเตรียคือ St Anton am Arlberg (ซังค์ อันทน อัม อัลเบิร์ก) ตั้งอยู่ในทีโรล หมู่บ้านแห่งนี้เหมาะสำหรับผู้เล่นสกีผาดโผน เพราะพื้นที่ค่อนไปทางวิบาก จึงเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น St Anton มีคำกล่าวที่ไม่ค่อยดีนักที่ว่า จงทำงานให้หนัก และกินเที่ยวให้หนักด้วยเช่นเดียวกัน พื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลที่นี่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้ตลอดฤดูหนาว เช่นเดียวกับฤดูร้อน ก็พร้อมต้อนรับเหล่านักปีนเขา ที่ทยอยหลั่งไหลมาชื่นชมความงดงามในแต่ละปี หากคุณกำลังมองหาช่วงเวลาแห่งความสุขละก็ St Anton ทำให้ความต้องการของคุณเป็นจริงได้

อันดับ 3 ถนน Grossglockner Alpine


อันดับ 3 ถนน Grossglockner Alpine
Grossglockner Alpine เป็นถนนที่มีความยาวมากมุ่งสู่ยอดเขาซึ่งเป็นจุดชมวิวจุดหนึ่งชื่อ Kaiser Franz Josefs Höhe ที่นี่คุณจะมองเห็นภูเขาที่สูงที่สุดในออสเตรียได้อย่างรอบด้านโดยไม่มีสิ่งใดมาบดบังให้เกะกะสายตา ภูเขาลูกนี้มีชื่อว่า Grossglockner ส่วนถนน Grossglockner Alpine มีลักษณะคล้ายทางด่วนบ้านเรา คือต้องจ่ายค่าใช้ถนนซึ่งมีราคาแพงแต่คุ้มค่าเมื่อได้เห็นทิวทัศน์ที่งดงามบนภูเขาสูง ถนนเส้นนี้ โดยปกติจะเปิดใช้ได้ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมจนถึงปลายเดือนตุลาคมของทุกปี

อันดับ 2 Hallstatt (ฮัลชตัทท์)


อันดับ 2 Hallstatt (ฮัลชตัทท์) เที่ยวออสเตรีย
จุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งคือ Hallstatt เป็นหมู่บ้านเล็กๆในแถบ Salzkammergut ขึ้นชื่อเรื่องผลิตภัณฑ์จากเกลือทะเล ซึ่งเป็นที่ต้องการของผู้คนมาเป็นระยะเวลานาน เพื่อใช้เพิ่มรสชาติและถนอมอาหาร นอกจากนี้ในตัวหมู่บ้านเองยังมีประวัติเก่าแก่และเต็มไปด้วยความมั่งคั่งและเกียรติยศ ซึ่งความมั่งคั่งนี้มีที่มาจากอุตสาหกรรมผลิตเกลือทะเลสาบ พัฒนาจากหมู่บ้านพื้นๆจนกลายมาเป็นหมู่บ้านสไตล์บาโรคที่มั่งคั่งจนถึงปัจจุบัน คุณสามารถเยี่ยมชมแหล่งผลิตเกลือได้ที่ Hörnerwerk และชมวิธีการเก็บรักษาเกลือของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ได้ที่นี่ สถานที่เพียงหนึ่งเดียวในออสเตรีย จึงไม่ควรพลาด Hallstatt เป็นอันขาด

อันดับ 1 Schönbrunn Palace (พระราชวังเชินบรุนน์)


เที่ยวออสเตรีย ทัวร์ออสเตรีย อันดับ 1 Schönbrunn Palace (พระราชวังเชินบรุนน์)
อันดับ 1 ซึ่งเป็นรายการสุดท้าย คือพระราชวังเชินบรุนน์ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลักในกรุงเวียนนา เมื่อเปรียบเทียบกับความยิ่งใหญ่ของพระราชวังแวร์ซายของฝรั่งเศสที่เป็นต้นแบบแล้ว ที่นี่ มีห้องทั้งหมด 1441 ห้อง สร้างขึ้นระหว่างปี 1696-1712 โดยพระราชกระแสรับสั่งขององค์จักรพรรดิเลโอโปลด์ที่ 1 ต่อมาในสมัยพระนางมาเรียเทเรซา โปรดให้เป็นพระราชวังฤดูร้อน บริเวณ Palace Park (สวนของพระราชวัง) ยังมีที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง เช่น Privy Garden ซึ่งเป็นสวนสัตว์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เขาวงกตหลายรูปแบบ รวมถึงอนุสรณ์หินอ่อน (the Gloriette) ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาที่สูงถึง 60 เมตร – ทัวร์ออสเตรีย เที่ยวออสเตรีย
อ้างอิง http://amazingthaisea.com/เที่ยวออสเตรีย/

เที่ยวแคนาดา 10 สถานที่สวยที่สุดในแคนาดา

Peggy's Cove

เที่ยวแคนาดา
เที่ยวแคนาดา ชม Peggy's Cove ประภาคารรูปทรงแปดเหลี่ยมสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ความสูง 15 เมตรถูกสร้างขึ้นมาแทนที่ประภาคารหลังเดิมที่เป็นบ้านทำด้วยไม้ ตั้งอยู่ที่อ่าวเซ้นท์ มาร์กาเร็ต St.Margaret แหล่งท่องเที่ยวเล็กๆ ที่อยู่ใกล้เมืองไปมาสะดวก คนไม่พลุกพล่าน พร้อมรับไอทะเลกับบรรยากาศเงียบสงบ

Avalon Peninsula

เที่ยวแคนาดา
ชมภูเขาน้ำแข็ง ที่มีความงามตามธรรมชาติสรรค์สร้าง ซึ่งก่อตัวมาเป็นน้ำแข็งกลาเซียขนาดใหญ่ยักษ์ยาวนานถึง 10,000 ปี มาแล้ว ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเที่ยวแคนาดาเพื่อชมวิวภูเขาน้ำแข็งคือ ช่วงฤุดูใบไม้ผลิจนถึงก่อนเข้าฤดูร้อน

Fogo Island

เที่ยวแคนาดา
ถ้าจะพูดถึงเกาะโบราณดั้งเดิมในแคนาดา และประสบการณ์ในการตกปลากับวันพักผ่อนสบายๆ แล้วละก็ ต้องไม่พลาดมาเที่ยวแคนาดาที่ เกาะโฟโก้ เกาะขนาดใหญ่ที่ยังคงความเป็นแคนาดาแบบดั้งเดิมให้เห็นกัน

Niagara Falls

เที่ยวแคนาดา
น้ำตกไนแองการา หนึ่งในสถานที่ที่ใครมาเที่ยวแคนาดาแล้วต้องมาชมให้ได้ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ครอบคลุมทั้งแคนาดาและอเมริกา ประกอบด้วยน้ำตกสามแห่งที่แยกออกจากกัน คือ น้ำตกแคนาดา สูง 158 ฟุต, น้ำตกอเมริกาสูง 167 ฟุต, และน้ำตกขนาดเล็กกว่าที่อยู่ติดกัน คือน้ำตก Bridal Veil

Toronto waterfront

เที่ยวแคนาดา
สำหรับวิวที่ดีที่สุดในแคนาดา ต้องที่ตึก CN Tower บนความสูง 553.33 เมตร มองเห็นโรเจอร์เซ็นเตอร์สปอร์ตสเตเดียม และ ตึกอาคารพาณิชย์อยู่โดยรอบ อยู่ริมทะเลสาบออนตาริโอ (Lake Ontario) เป็น waterfront ที่มีขนาดใหญ่และกินระยะทางยาวมาก สามารถเดินชมได้เรื่อยๆ

Lakes of Saskatchewan

เที่ยวแคนาดา
ที่ รัฐซัสแคตเชวัน ประเทศแคนาดา มีทะเลสาบกว่า 100,000 ทะเลสาบ ซึ่งในรูปคือ Otter Lake ปลายทางที่น่าตื่นเต้นสำหรับการทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งตั้งแคมป์ ตกปลา ล่องเรือแคนู เป็นต้น

Notre Dame Basilica

เที่ยวแคนาดา
Notre Dame Basilica ตั้งอยู่ที่ Montreal เป็นหนึ่งในโบสถ์ของแคนาดาที่งดงามชวนหลงใหล สร้างเสร็จในปี 1891 และได้ถูกกำหนดให้เป็นโบราณสถานแห่งชาติของประเทศแคนาดาในปี 1989

Rideau Canal

เที่ยวแคนาดา
Rideau Canal เป็นหนึ่งในมรดกโลก เป็นเส้นทางของทะเลสาบ แม่น้ำ และลำคลอง เชื่อมต่อกันยาวถึง 202 กิโลเมตร ตั้งแต่ Kingston ถึง Ottawa และในฤดูหน้าจะมีลำคลองยาว 7.8 กิโลเมตรที่กลายเป็นน้ำแข็ง ซึ่งจะกลายเป็นลานให้เล่นสเก็ต

Yukon

เที่ยวแคนาดา
เมืองที่เล็กที่สุดที่มีเขตติดต่อกับ 3 เขตแดน เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดที่จะได้เห็นแสงเหนือที่ส่องแสงงดงามบนฟากฟ้า

Old Quebec

เที่ยวแคนาดา
เมืองควิเบก ได้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 17 เป็นเมืองมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งของแคนาดา เป็นเมืองชุมชนที่สร้างขึ้นบนหน้าผา เต็มไปด้วยคริสตจักร คอนแวนต์ และอนุสาวรีย์เช่น ป้อมปราการ ชาโต้ เป็นต้น

อ้างอิง   https://www.wonderfulpackage.com/article/v/192/

10 สถานที่เที่ยวอเมริกา

1. ตึกเอ็มไพร์สเตท EMPIRE STATE BUILDING

เที่ยวอเมริกา 1_empire state
เป็นหนึ่งในอาคารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ตั้งอยู่บนเกาะแมนฮัทตัน นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา  มีความสูงทั้งสิ้น 102 ชั้น บนยอดสุดมีโดมสูงขึ้นไปอีก 60 เมตร . . . อาคารแห่งนี้มีชื่อเสียงเลื่องลือเนื่องจากเป็นฉากในการถ่ายทำภาพยนตร์หลาย เรื่อง เช่น “An Affair to Remember,” “King Kong,” และ “Sleepless in Seattle” ได้ชื่อว่าเป็นอาคารที่สูงที่สุดของนิวยอร์กจนกระทั่งตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ทำลายสถิติด้วยความสูง 417 เมตร  หลังจากตึกเวิลด์เทรดถล่มลงจึงได้กลายเป็นตึกที่สูงที่สุดในนิวยอร์กอีก ครั้ง และในปัจจุบันมีความสูงเป็นอันดับที่ 14 ของโลก นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวได้ทั้งชั้นที่ 86 และชั้นที่ 102 โดยชั้นที่ 86 จะมีระเบียงรอบตัวตึกให้นักท่องเที่ยวชมวิวเกาะแมนฮัทตันได้แบบพาโนรามา 360 องศา   ส่วนชั้น 102  ไม่สามารถออกไปได้เพราะจะปิดล้อมด้วยกระจกเนื่องจากลมแรงมาก ขอแนะนำให้ไปดูที่ชั้นนี้เพราะสามารถชมความงามของเกาะแมนฮัทตันได้ไกลถึง  80 ไมล์   และยังมองได้ไกลไปถึง สวนสาธารณะยอดนิยมที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา นั่นก็คือ Central Park อีกด้วย

2. สะพานโกลเดนเกท Golden Gate Bridge

สถานที่ท่องเที่ยวอเมริกา 2_Golden Gate Bridge
เป็นสะพานแขวนที่มีความยาวมากที่สุดในโลก ทอดข้ามอ่าวทางตอนเหนือ ของเมืองซานฟรานซิสโก เป็นสะพานแขวนขนาดใหญ่และยาวมากที่สุดสะพานแรกในยุคนั้นและเป็นหนึ่งในสะพานที่ปรากฏในภาพถ่ายมากที่สุดในโลกและมีสถิติที่ไม่น่าจดจำอีกอย่างก็คือ เป็นสะพานที่มีคนมาฆ่าตัวตายมากที่สุด สะพานแห่งนี้มีจุดชมวิวที่สามารถชมทัศนียภาพความงามของอ่าวเบย์เอเรีย มหาสมุทรแปซิฟิกและมารินเฮดแลนด์ทางด้านเหนือของสะพาน  นักท่องเที่ยวจะนิยมปั่นจักรยานหรือเดินบนทางเท้าเลียบสะพานเพื่อที่จะได้ถ่ายรูปสวยๆและ เพลิดเพลินกับวิวอันงดงาม บนสะพานแห่งนี้   ปกติจะเปิดให้คนเดินข้ามเฉพาะเวลากลางวันเท่านั้น สะพานโกลเดนเกทมีทัศนียภาพที่สวยงามตระการตา ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้าตรู่ที่แสงแห่งรุ่งอรุณทอดจับตัวสะพานสะท้อนเป็นสีส้มเรืองรอง หรือในยามค่ำคืนที่สะพานจะสะท้อนแสงไฟเป็นประกายระยิบระยับสวยงามจับตาเป็นอย่างยิ่ง

3.  เขื่อนยักษ์ฮูเวอร์ หรือ โบลเดอร์แดม  (Boulder Dam)

Hoover Dam at Twilight
เขื่อนคอนกรีตขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และกลายมาเป็นอันดับสองหลังจากเขื่อนแกรนคูลีสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2488    ตั้ง อยู่บนเขตแดนของมลรัฐเนวาดา และมลรัฐแอริโซนา ในสหรัฐอเมริกา  สร้างขึ้นเพื่อกั้นแม่น้ำโคโลราโด เพื่อป้องกันอุทกภัยในฤดูหนาว    เพื่อการชลประทาน สงวนพันธ์ปลา และเพื่อผลิตพลังไฟฟ้า    เมื่อสร้างเขื่อนเสร็จ   น้าที่กั้นไว้ในพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล เหนือเขื่อนกลายเป็นทะเลสาบยาวถึง 115 ไมล์    ทะเลสาบนี้มีชื่อว่า  ทะเลสาบมี๊ด (Lake Mead)   โดยที่ทะเลสาบแห่งนี้จะเปิดให้นักท่องเที่ยวล่องเรือชมทัศนียภาพความงามของเขื่อนและถ่ายรูปสวยๆได้

4. อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ Statue of Liberty

เที่ยวประเทศอเมริกา 4_Statue of Liberty
อนุสาวรีย์ที่ยิ่งใหญ่ และเป็นสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพตั้งอยู่บน เกาะเบคโล   นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา    เป็นของขวัญที่ชาวฝรั่งเศสมอบไว้ให้ แก่ชาวอเมริกัน ในวันที่อเมริกาเฉลิมฉลองวันชาติครบ 100 ปีและองค์การยูเนสโก ประกาศให้อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ เป็นมรดกของโลก
เทพีเสรีภาพ เป็นประติมากรรมโลหะสำริด รูปเทพีห่มเสื้อคลุม มือขวาชูคบเพลิง มือซ้ายถือแผ่นจารึกคำประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ และมีอักษรสลักว่า “JULY IV MDCCLXXVI”   เท้าข้างหนึ่งมีโซ่ที่ขาด แสดงถึงความหลุดพ้นจากการเป็นทาส  สวมมงกุฎ 7 แฉกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทะเลทั้งเจ็ด หรือทวีปทั้งเจ็ด . . . ภายในโปร่งมีบันไดเวียนขึ้นไปถึงยอดมงกุฎรวมทั้งสิ้น 162 ขั้น ตามปกติแล้ว ประชาชนสามารถเดินตามบันไดเวียนเพื่อขึ้นไปชมวิวบนส่วนหัวมงกุฎของเทพีได้ แต่ทางการได้สั่งปิดหลังเหตุวินาศกรรม 911   ล่าสุด   มีการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมความสวยงามของอนุสาวรีย์จากฐานด้านล่างได้   แต่ตัวอนุสาวรีย์และพิพิธภัณฑ์ยังปิดอยู่  ด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัย

5. อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน Yellowstone National Park


เที่ยว USA 5_Yellowstone National Park
ตั้งอยู่ในเขตติดต่อสามรัฐได้แก่ ไวโอมิง มอนแทนา และ ไอดาโฮ เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของโลกและใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา . . . อุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่บนที่ราบสูงเยลโลว์สโตน (Yellowstone Plateau) ถูกล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาร็อคกี้ พื้นส่วนใหญ่ของอุทยานนั้นประกอบไปด้วยที่ราบสูงและภูเขาสูงมี หน้าผาชัน และมีทะเลสาบเยลโลวสโตน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่ใหญ่และสูงที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ มีบ่อน้ำพุร้อนมากกว่า 10,000 แห่ง และไฮไลท์ของที่นี่   คือ   บ่อน้ำพุร้อนสีรุ้ง แห่งเยลโลว์สโตน (Grand Prismatic Spring) เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอเมริกา และใหญ่เป็นอันดับสามของโลก ได้รับการยอมรับว่าสวยที่สุดในโลก
เอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใครคือสีสันของบ่อน้ำพุ ร้อน ที่บริเวณตรงกลางจะเป็นสีฟ้า ถัดออกมาก็จะเป็นสีแดง และสีส้มที่บริเวณขอบตามลำดับ ดุจภาพวาดที่บรรจงไล่เฉดสีไว้อย่างสวยงาม ที่พลาดชมไม่ได้อีกแห่งก็คือ  น้ำพุร้อนโอลด์ เฟธฟุลซึ่ง มีน้ำพุ่งสูงขึ้นจากพื้นดินหลายเมตรในทุกๆ 33 และ 93 นาที โดยไม่เปลี่ยนแปลงเลยในรอบ 100 ปี และยังมีน้ำตกกว่า 300 แห่ง นอกจากนี้ยังมีสัตว์ป่านานาพันธุ์ที่หาดูได้ยากอย่างเช่น หมีกริซซี่ หมีดำ ควายป่าไบซัน กวางมูส กวางเอลล์ และแพะภูเขา บิ๊กฮอร์น

6. เมาท์รัชมอร์ (Mount Rushmore) เที่ยวอเมริกา

เที่ยวอเมริกา 6_Mount Rushmore
ตั้งตระหง่านอยู่บนเทือกเขา แบล็คฮิลส์ เซาธ์ดาโกต้า ในรัฐเซาท์ดาโคตา เป็นรูปสลักใบหน้าขนาดมหึมาของประธานาธิบดีอเมริกันสี่คน ได้แก่ วอชิงตัน เจฟเฟอร์สัน รูสเวลท์ และ ลินคอล์น แกะสลักไว้บนหน้าผาหินแกรนิตสูง 18 เมตร โดยแต่ละคนจะเป็นตัวแทนของอุดมการณ์ในแต่ละด้านของประเทศ   มีลานชมวิว grand view terrace ด้านล่างเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินเล่นและถ่ายรูปใบหน้าประธานาธิบดีทั้ง 4 อย่างใกล้ชิด เมาท์รัชมอร์เป็นสถาปัตยกรรมที่ปลุกจิตสำนึกของนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมให้รู้สึกถึงความภูมิใจอันยิ่งใหญ่ที่ชาวอเมริกันมีต่อประเทศของตน

สถานที่ท่องเที่ยวอเมริกา 7. แกรนแคนยอน Grand Canyon



เที่ยวประเทศอเมริกา Toroweap Pointตั้งอยู่ใน รัฐอริโซน่า เป็นโตรกเขาและหน้าผาสูงชันในพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล  มีความยาวถึง 277  ไมล์   ลึก 1 ไมล์    และกว้าง  18 ไมล์
แกรนแคนยอนเกิดจาการที่แม่น้ำโคโรลาโดไหลเซาะภูเขานับล้านๆปี  การกร่อนตัวของหินที่ เพิ่มขึ้นในทุกปี  ก่อให้เกิดโตรกเขาอันยาวเหยียดซึ่งมี รูปร่างแปลกตาไม่เหมือนที่ใดในโลก   แกรนแคนยอนแบ่งออกเป็น 2 ตอน คือ ขอบผาด้านใต้ และขอบผาด้านเหนือ บริเวณขอบผาด้านใต้มีความสูงกว่าระดับน้าทะเลถึง 7000 ฟุตและ เปิดให้นักท่องเที่ยวชมได้ตลอดปี ที่นี่เปิดให้นักท่องเที่ยวพายเรือล่องแก่งและเป็นการล่องแก่งที่ถือว่ายากเย็นที่สุดในโลกเพราะลำน้ามีการเปลี่ยนระดับอย่างมากมาย บางช่วงต่างกันถึง 2 เมตร  บางช่วงเป็นแอ่งน้ำวน บางช่วงก็เป็นน้าตก รวมถึงสายน้าที่เชี่ยวกรากนับเป็นความท้าทายอย่างยิ่งของนักล่องแก่งทั่วโลก

8. ดิสนีย์เวิลด์รีสอร์ท Walt Disney World Resort


8_Walt Disney World Resort
เป็นสวนสนุกที่มีอาณาเขตใหญ่ที่สุดในโลกและมีจำนวนผู้เยี่ยมชมมากที่สุดในโลก ตั้งที่เมืองออแลนโด รัฐฟลอริดามีพื้นที่ 121.7 ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วย สวนสนุก 4 แห่งได้แก่ แมจิกคิงดอม ไฮไลท์คือปราสาทซินเดอเรลล่า ส่วนที่สองคือ เอปคอตเซนเตอร์ EPCOT CENTER เป็นสวนสนุกในส่วนที่แสดงถึงวัฒนธรรมและเทคโนโลยีของ นานาประเทศ ดิสนีย์ฮอลลีวู๊ดสตูดิโอเป็นสวนสนุกที่เปิดบริการเป็นอันดับสาม ส่วนนี้แสดงถึงอุตสาหกรรมภาพยนตร์ การออกแบบและแรงบันดาลใจ ในการสร้างภาพยนตร์และดิสนีย์แอนิมอลคิงดอม สวนสนุกอันดับที่สี่ เป็นสวนสนุกที่มีลักษณะเป็นเขตอนุรักษ์พันธ์สัตว์   นอกจากนั้นยังมีสวนน้าอีก 2 แห่ง คือ ไทฟูนลากูน บลิซเซิร์ดบีช และมีโรงแรมระดับ 5 ดาวให้เลือกพักถึง 23 แห่ง พรั่งพร้อมไปด้วยแหล่งชอปปิ้ง สนามกอล์ฟ 6 สนาม สปา ฟิตเนส สถานบันเทิง และร้านอาหารอีกจำนวนมาก

9. น้าตกไนแอการา (Niagara Falls)


เที่ยวน้ำตกอเมริกา 9_falls
แหล่งท่องเที่ยวที่โด่งดังไปทั่วโลก และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทำเงินให้กับแคนาดาและสหรัฐอเมริกาปีหนึ่ง ๆ เป็นจำนวนมหาศาล น้าตกไนแอการาเป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่มากเพราะมีนำตกหลายสายมาประกอบกัน ตั้งอยู่บนแม่น้ำไนแอการาทางตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือ บนพรมแดนระหว่างประเทศแคนาดากับสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วยน้ำตกสามแห่งที่แยกออกจากกัน คือ น้ำตกเกือกม้า ตั้งอยู่ในเขพรหมแดนแคนาดา สูง 158 ฟุต, น้ำตกในฝั่งอเมริกาสูง 167 ฟุต, และมีน้ำตกขนาดเล็กกว่าที่อยู่ติดกันอีกแห่งก็  คือน้ำตก Bridal Veil น้ำตกไนแอการาประกอบด้วยสองน้ำตกใหญ่ คือน้ำตกอเมริกัน (American Fall) และน้ำตกแคนาดา (Canadian Fall) หรือน้ำตกเกือกม้า น้ำตกอเมริกาอยู่ในเขตประเทศสหรัฐอเมริกา มีขนาดเล็กกว่า . . . ส่วนน้ำตกแคนาดาอยู่ในเขตประเทศแคนาดามีขนาดใหญ่และสวยกว่า น้ำตกไนแอการา จะตกจากฝั่งอเมริกาไปยังฝั่งแคนาดา ฉะนั้นถ้าอยู่ฝั่งอเมริกาจะเห็นแต่ด้านหลังและด้านข้างของน้ำตก แต่ทางอเมริกาก็พยายามหาวิธีในการชมความงามของน้ำตกโดยการสร้างหอคอยยื่นออกไปจนชิดน้าตกใกล้ขนาดที่นักท่องเที่ยวต้องใส่เสื้อกันฝนกันทุกคน มิฉะนั้นจะเหมือนยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนเลยทีเดียว หรือนักท่องเที่ยวบางท่านอาจจะเลือกล่องเรือไปตามลำน้ำเพื่อชมความงามของน้าตกแบบใกล้ชิด

10. เมืองโฮโนลูลู Honolulu


ที่เที่ยวอเมริกา10_Honolulu
เมืองหลวงของรัฐฮาวาย ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเกาะโออาฮู (Oahu) แหล่งท่องเที่ยวที่โด่งดังไปทั่วโลกของที่นี่ก็คงหนีไม่พ้น
หาดไวกิกิ ชายหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยสิ่งที่โดดเด่นที่สุดของหาดไวกิกิ คือ หาดทรายที่ขาวสะอาดและน้ำทะเลซึ่งที่นี่ได้ชื่อว่ามีสีสันสวยงามไม่เหมือนที่ใด    นอกจากนี้ความโรแมนติกของหาดไวกิกิอยู่ที่ทัศนียภาพอันงดงามของหาดทรายทั้งในยามพระอาทิตย์ตกตัดกับเส้นขอบฟ้าเป็นแสงสีงดงามและแสงสีเรืองรองในยามรุ่งอรุณ     และ นักท่องเที่ยวทั่วโลกยังนิยมมาเล่นกระดานโต้ลื่นที่หาดแห่งนี้อีกด้วย อีกจุดที่น่าสนใจก็คือ บริเวณย่านประวัติศาสตร์ซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางเมืองโฮโนลูลู ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของศูนย์ราชการ ศูนย์กลางการค้าของหมู่เกาะฮาวาย และพิพิธภัณฑ์อีกหลายแห่ง
นักท่องเที่ยวจะได้ชม พระราชวังอิโอลานี (Iolani Palace) ซึ่งเป็นพระราชวังแห่งเดียวของอเมริกา และ เป็นที่ประทับของอดีตผู้ครองเกาะฮาวาย  ต่อมาได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ประชาชนเข้าชม สถานที่เที่ยวยอดฮิตอีกแห่งก็คือไดมอนด์ เฮด คราเตอร์ (Diamond Head Crater) หนึ่งในภูเขาไฟรูปทรงกรวยบนเกาะฮาวายและยังมี   ฟอร์ต ดีรัซซี บีช (Fort DeRussy Beach)ซึ่งเป็นหาดที่มีความสวยและผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่านเหมือนหาดไวกิกิ โดยเฉพาะคนที่รักการดำน้ำบริวเณหาดแห่งนี้มีแนวปะการังสวยๆให้ชมหลายแห่งเลยทีเดียว

อ้างอิง http://amazingthaisea.com/เที่ยวอเมริกา-10-สถานที่/

10 สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ

สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ 10. Hadrian’s Wall
สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ Hadrian's Wall
กำแพงเฮเดรียน (Hadrian’s Wall) สร้างขึ้นโดยชาวโรมัน จุดประสงค์เพื่อปกป้องอาณานิคมจากการรุกรานของชนเผ่าสก็อตแลนด์ มีความยาว 117 เมตร พาดขวางแนวตอนเหนือของเกาะอังกฤษ ตั้งแต่ทะเลไอริชจนถึงทะเลเหนือ กำแพงเฮเดรียน เริ่มสร้างในรัชสมัยของจักรพรรดิเฮเดรียนในปี ค.ศ. 122 เสร็จสมบูรณ์ภายในเวลา 6 ปี ปัจจุบัน มีเพียงกำแพงส่วนกลางที่ยังคงปรากฏให้เห็น สามารถเดินได้ตลอดแนวกำแพง ด้วยความเก่าแก่และสวยงาม กำแพงเฮเดรียน จึงเป็นหนึ่งใน สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และจดทะเบียนเป็น มรดกโลก ในปี ค.ศ. 1987
สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ 9. Warwick Castle
สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ Warwick Castleปราสาทวอริค โครงสร้างเดิมเป็นไม้ สร้างโดย สมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษ ใน ปีค.ศ. 1068 และได้รับการบูรณะใหม่ โดยปรับเปลี่ยนโครงสร้างเป็นหินในคริสต์ศตวรรษที่ 12 ช่วงสงครามร้อยปี ด้านหน้าของ ปราสาทวอริค ที่หันตรงข้ามกับเมือง ก็ได้รับการเสริมสร้างให้แข็งแรงขึ้น ทำให้ ปราสาทวอริค กลายเป็นที่จดจำว่าเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมทางการทหารในคริสต์ศตวรรษที่ 14 เมื่อปี ค.ศ. 2001 ปราสาทวอริค ถูกขนานนามว่าเป็น 1 ใน 10 ของอนุสรณ์สถานแห่งประวัติศาสตร์ชาติ และเป็นหนึ่งใน สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุด
สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ 8. Lake District
 เที่ยวประเทศอังกฤษ
อีกหนึ่ง สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ Lake District อุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ในมณฑลคัมเบรีย จุดดึงดูดใจอยู่ที่ทะเลสาบและเทือกเขา ซึ่งเกิดจากการระบิดของธารน้ำแข็งในยุคสมัยก่อน เกิดเป็นภาพน้ำ ภาพเขา สวยจับใจ จนทุกวันนี้ Lake District เป็นอีกหนึ่งจุดหมายชื่อดังสำหรับนักปีนเขา ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือน ราว 14 ล้านคน
สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ 7. Tower of London
หอคอยแห่งลอนดอน สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ ตั้งอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำเทมส์ในกรุงลอนดอน เป็นพระราชวังหลวงและป้อมปราการ สร้างขึ้นโดยพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษ เมื่อปี ค.ศ. 1078 เพื่อป้องกันการโจมตีของชาวเมืองที่ต่อต้านชาวนอร์มัน ต่อมา หอคอยแห่งลอนดอน  ถูกใช้เป็นที่คุมขังนักโทษที่มียศศักดิ์สูง ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1100 จนถึง กลางศตวรรษที่ 20 และที่แห่งนี้ถูกโจษจันว่าเป็นหนึ่งในสถานที่สุดหลอน
สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ 6. The Cotswolds
คอทส์โวลส์ แนวเนินเขาละมุนน่าสัมผัส เมืองที่มีทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่ชวนหลงใหลที่สุด หนึ่งใน สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ จุดที่สูงที่สุดจากระดับน้ำทะเล คือ ระยะ 330 เมตร สถานที่ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว ได้แก่ หมู่บ้านที่สร้างจากหินสีน้ำผึ้ง ย่านเมืองเก่าแห่งประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของอังกฤษ
สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ 5. Durham Cathedral
มหาวิหารเดอรัม คริสตจักรมหาวิหารของพระคริสต์ พระนางมารีย์พรหมจารี และเซนต์คัธเบิร์ตแห่งเดอรัม ตั้งอยู่ที่ เมืองเดอรัม ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ  เป็นตึกนอร์มันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอังกฤษ โครงสร้างของ มหาวิหารเดอรัม เป็นหิน ก่อตั้งขึ้นในวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 1093 ลักษณะโครงสร้างส่วนใหญ่เป็นแบบโรมาเนสก์ มีหอคอยสูง 66 เมตร มีบันไดขึ้นทั้งหมด 325 ขั้น ภายหลังได้รับการบูรณะและเพิ่มเติมบางส่วน แต่โดยรวมแล้ว มหาวิหารเดอรัม ก็ยังคงเป็นสถาปัตยกรรมแบบนอร์มัน ในปี ค.ศ. 2011 สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ แห่งนี้ ได้รับการโหวตจากโพลของสำนักข่าว BBC ให้เป็น สิ่งก่อสร้างที่น่าหลงใหลมากที่สุดในเกาะอังกฤษ องค์การยูเนสโกยกให้ มหาวิหารเดอรัม เป็น มรดกโลก พร้อมกับ ปราสาทเดอรัม ซึ่งอยู่ตรงกันข้าม ริมแม่น้ำเวียร์
สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ 4. York Minster
มหาวิหารยอร์ก เป็นคริสต์ศาสนสถานแบบกอธิค ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตอนเหนือ (รองจากมหาวิหารโคโลญ ประเทศเยอรมนี) มหาวิหารยอร์ก เริ่มสร้างใน ปี ค.ศ. 1230 และเสร็จสมบูรณ์ใน ปี ค.ศ. 1472 เป็นสิ่งก่อสร้างที่รวมลักษณะสำคัญของสถาปัตยกรรมแบบกอธิคไว้ทั้งหมด สิ่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงและเป็นที่จดจำ คือ หน้าต่างบานใหญ่ ชื่อ “Great East Window” สร้างใน ปี ค.ศ. 1408 ถือเป็นหน้าต่างประดับกระจกสีที่ใหญ่ที่สุดในโลก
สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ 3. Windsor Castle
สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ ที่คุ้นชื่อกันดี พระราชวังวินด์เซอร์ เป็นหนึ่งในที่ประทับของ Queen Elizabeth ที่สอง ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และถือเป็นพระราชฐานที่ยังมีผู้อยู่อาศัยที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลก พระมหากษัตริย์และกษัตรีย์แห่งอังกฤษเกือบทุกพระองค์มีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้างและพัฒนา พระราชวังวินด์เซอร์ จากประวัติตามรัชสมัยต่างๆ ในยามสงบจากศึก พระราชวังวินด์เซอร์ ถูกใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์ ในยามสงคราม พระราชวังวินด์เซอร์ จะถูกใช้เป็นป้อมปราการด้วยการสร้างเสริมอย่างแน่นหนา และระบบนี้ยังคงใช้สืบเนื่องมาจนปัจจุบัน
สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ 2. Big Ben
หอนาฬิกาพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ หรือรู้จักกันดีในชื่อของ บิ๊กเบน หอเก่าแก่นี้ถูกสร้าง เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2377 หลังจากไฟไหม้พระราชวังเวสต์มินสเตอร์เดิม แท้จริงแล้ว บิ๊กเบน ไม่ใช่ชื่อหอนาฬิกา แต่เป็นชื่อของ ระฆังหนัก 13 ตัน ซึ่งแขวนอยู่ตรงช่องลมเหนือหน้าปัดนาฬิกา และคำว่า บิ๊กเบน นั้นนำมาจากชื่อของ เซอร์ Benjamin Hall ชายคนแรกที่สั่งซื้อระฆัง Big Ben มีความสูง 96.3 เมตร เป็นหอนาฬิกาที่สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก และกลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งอังกฤษ ทั้งยังปรากฏในภาพยนตร์หลายเรื่อง
สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ 1. Stonehenge
สถานที่ท่องเที่ยวประเทศอังกฤษ Stonehenge
สุดยอด สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ ต้องยกให้ สโตนเฮนจ์ กลุ่มแท่งหินขนาดใหญ่ บนที่ราบ Salisbury บริเวณตอนใต้ของเกาะอังกฤษ ประกอบด้วยแท่งหินขนาดยักษ์ 112 ก้อน ที่มาของ สโตนเฮนจ์ ยังไม่มีบทสรุปที่แท้จริง มีเพียงข้อสันนิษฐานมากมาย นักโบราณคดีเชื่อว่า กองหินนี้ถูกสร้างขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง เมื่อประมาณ 3000 – 2000 ปี ก่อนคริสตกาล โดยการคำนวณอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสี นักวิทยาศาสตร์และนักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าแท่งหินยักษ์ทั้งหมดถูกชักลากมาจากที่อื่น เนื่องจากที่ราบบริเวณนั้นไม่มีหิน ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจาก “ทุ่งมาร์ลโบโร” ที่อยู่ห่างออกไป 40 กิโลเมตร แต่ก็มีความเชื่อไปในทางเดียวกันว่า สโตนเฮนจ์ น่าจะถูกสร้างขึ้นเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของคนในยุคโบราณ ด้วยความอัศจรรย์และความลึกลับที่ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้แน่ชัด สโตนเฮนจ์ จึงถูกยกให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
………………………………………………
ที่มา : www.touropia.com เรียบเรียง : travel.mthai.com